ทำไมแบรนด์ใหญ่ๆถึงจ้างเอเจนซี่ขนาดเล็ก

คำไหนที่เราใช้กับแบรนด์ใหญ่ๆที่ต้องการบริษัทของตนเองให้เป็นที่รู้จัก แต่แทบจะไม่บรรลุตามที่คาดหวังเลย?

‍นวัตกรรม
คำๆนี้เป็นคุณภาพอันสำคัญ และการดำเนินทางธุรกิจ ซึ่งมีการใช้คำนี้มากเกินความจำเป็น และใช้อย่างผิดๆแทบจะไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังของแบรนด์ต่างๆ เมื่อมองไปที่บริษัทคล้ายๆกัน ในด้านของขนาดและโครงสร้าง บริษัทเหล่านี้กำลังมองหาหุ้นส่วนภายนอกสำหรับมุมมอง ขบวนการ และวิธีที่แตกต่างอันมีลักษณะเฉพาะ บางแบรนด์ร่วมงานกับเอเจนซี่ขนาดเล็กกว่าเพื่อให้ได้แนวคิดสดใหม่ และพลังงานใหม่เข้ามารวมอยู่ด้วย

‍ทำไมแบรนด์ถึงหันมามองเอเจนซี่ขนาดเล็ก
‍
‍1) แบรนด์ตัองการหุ้นส่วนที่ยึดตามโปรเจ็คขนาดเล็ก
‍แบรนด์หลายๆแห่งกำลังเคลื่อนการตลาดภายใน จากรายงานของ ANA ซึ่งชี้แจ้งว่ามีจำนวน16% จากปี 2013 ถึง 2018 และรายงานของสมาคมเอเจนซี่ดิจิตอลในปี 2015 กล่าวว่ามีการเพิ่มขำนวน 13% ของนักการตลาดที่จะไม่ทำงานกับเอเจนซี่ภายนอก เนื่องจากส่วนหนึ่งคือนักการตลาดอยากจะจัดการได้อย่างรวดเร็วโดยใช้กลยุทธ์การโฆษณาแบบใหม่ เช่นการตลาดด้านเนื้อหา และโซเชียลมีเดีย นักการตลาดกำลังมองหาการใช้ผลประโยชน์ให้เต็มที่จากการสื่อสารตัวต่อตัวมากกว่า แทนที่จะทำการกระจายเสียงให้ทั่ว และเอเจนซี่โดยทั่วไปที่ทำงานแคมเปญใหญ่ๆเห็นผลลัพธ์ช้ากว่า

‍2) แบรนด์ต้องการผู้เชี่ยวชาญ
‍นักการตลาดต้องการจ้างเอเจนซี่ที่ดีที่สุด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการบริการ อุตสาหกรรม กลุ่มผู้รับสาร ช่องทางเฉพาะนั้นๆ เนื่องจากแนวคิดยึดตามแบบโปรเจ็ค แบรนด์เหล่านี้ไม่ได้ถูกขัดขวางในด้านของแหล่งที่ตั้ง หรือต้องการความไกล้ชิดในการจัดการความสัมพันธ์ และเนื่องด้วยข้อผูกมัดของโปรเจ็คเล็กๆ พวกเขาไม่อยากจะเสียเวลาในการฝึกฝน และให้ความรู้กับหุ้นส่วนในด้านของอุตสาหกรรม หรือกลุ่มผู้รับสารโดยเฉพาะ

‍3) แบรนด์ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าเดิม
‍อะไรที่บ่อยขึ้นมากกว่าเดิมก็จะตามมาซึ่งขบวนการที่มากกว่าเดิม การอนุมัติมากกว่าเดิม ระดับอำนาจมากกว่าเดิม และโอกาสของอุปสรรคที่มากกว่าเดิมลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว ซึ่งมีต้องรับมือกับระบบราชการที่คับข้องใจอยู่แล้ว กำลังมองหาหุ้นส่วนที่คล่องแคล่ว พวกเขาไม่ต้องการหุ้นส่วนที่จะมาเพิ่มขั้นตอนแบบระบบราชการ ซึ่งต้องต่อสู้อยู่ทุกวันเป็นประจำอยู่แล้ว

‍4) แบรนด์กำลังมองหาคนที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
‍อีกครั้ง นักการตลาดกำลังมองหาหุ้นส่วนที่เพ่งเล็งระดับการตลาดที่มีชั้นเชิง มากกว่าการดำเนินการแบบกลยุทธ์ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเอเจนซี่ภายใน และพวกเขาต้องการผู้ที่มีความสามารถระดับสูงในการขับเคลื่อนการทำงาน

‍5) แบรนด์ต้องการหุ้นส่วนที่กล้าเสี่ยง
‍เอเจนซี่ถูกบังคับให้ทำตามรูปแบบธุรกิจที่สืบทอดกันมา ผู้ถือหุ้น และผู้บริหารระดับสูงซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงส่วนนี้ เป็นเหตุให้แบรนด์ต่างๆต้องหาตัวเลือกใหม่ๆ นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญของอุตสาหกรรมนี้หลายๆคนได้เริ่มทำเอเจนซี่และบริษัทที่ปรึกษาของตนเอง และจ้างพนักงานที่มีความคิดเหมือนกัน แบรนด์ใหญ่ๆมักจะหาบริษัทที่มีผู้นำมีความสามารถไม่เหมือนใคร เพื่อที่แบรนด์จะสามารถทำงานได้ด้วยโดยตรงกับผู้หญิง หรือผู้ชายคนนั้น

‍6) แบรนด์ใส่ใจเกี่ยวกับวัฒนธรรม
‍ลูกค้าต้องการทำงานกับหุ้นส่วนที่มีวัฒธรรม และวิสัยทัศน์ที่เหมือนกัน หรือหุ้นส่วนที่พวกเขาพิจารณาว่ามีวัฒธรรมที่ดีกว่าของตนเอง นอกจากนี้ การทำงานกับทีมที่เล็กกว่า หรือทีมที่มีวัฒนธรรมที่ดีเยี่ยมสามารถสร้างชนิดความสัมพันธ์ที่แตกต่างกับลูกค้าได้

แหล่งที่มา : https://blog.hubspot.com/agency/big-brands-hire-small-agencies
‍​